วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ



มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี

APPLE

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ

          แอปเปิล ผลไม้ดีมีประโยชน์ สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีหลากสีสันให้เลือกรับประทาน เชื่อหรือไม่ว่าสีของแอปเปิลที่แตกต่างกัน ก็อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกัน 

          คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยลิ้มลองรสชาติของแอปเปิล ผลไม้ที่มีคุณประโยชน์อัดแน่นอยู่เต็มผล ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าแอปเปิลช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ทราบกันหรือเปล่าจริง ๆ แล้ว แอปเปิลทุกสีนั้นมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปอีกมากมายเลยล่ะค­­­่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำเอาประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสีมาฝากกัน แล้วจะรู้ว่าแอปเปิลน่ะมีประโยชน์มากมายกว่าที่คาดเลยเชียวล่ะ 

 แอปเปิลสีแดง 

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ

          แอปเปิลสีแดงเข้มที่เราเห็นกันอยู่นี้ เป็นแอปเปิลสายพันธุ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดเลยล่ะ โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผิวแอปเปิลสีแดง ๆ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากเทียบเท่ากับวิตามินซีถึง 1,500 มิลลิกรัม ! ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะไปทำหน้าที่ขัดขวางการเติ­­­บโตของเซลล์มะเร็งในร่างกาย ทำให้ความเสี่ยงโรคมะเร็งลดลง รวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยแห่งวัยค่ะ 

 แอปเปิลสีเขียว 

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ

          แอปเปิลสีเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้สำหรับการลดน้ำหนักเลยเชียวละ เพราะรสชาติของแอปเปิลเขียวที่แตกต่างและมีน้ำตาลน้อย ทำให้รับประทานได้แบบไม่กลัวอ้วน นอกจากนี้เปลือกเขียว ๆ ของแอปเปิลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใ­­­ยอาหารที่มีสูง ช่วยในระบบขับถ่าย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งและริ้ว­­­รอยแห่งวัย รวมทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วยล่ะ 

 แอปเปิลสีเหลือง 

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ

          แอปเปิลชนิดนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยนัก แต่ประโยชน์ของแอปเปิลสายพันธุ์นี้นั้นมีมากมายค่ะ ไม่ว่าจะประโยชน์ในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตา หรือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หรือแม้แต่ป้องกันการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ โดยมีการศึกษาพบว่าสารเพ็กตินที่อยู่ในแอปเปิลสีเหลืองสามารถป้­­­องกันการเกิดของก้อนเนื้อมะเร็งได้ ไม่เพียงเท่านั้น แอบเปิลสีเหลืองยังช่วยล้างสารพิษที่สะสมในตับออกจากร่างกายได้­­­ด้วยนะ 

 แอปเปิลสีชมพู 


          หากได้เห็นแอปเปิลที่ชมพูอมแดงที่ไหน อย่าลังเลที่จะซื้อมารับประทานเลยค่ะ เพราะปริมาณของวิตามินซีในแอปเปิลสีชมพูนั้นมีมากถึง 1 ใน 4 ของปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันเลยเชียวละ ซึ่งวิตามินซีนี้ก็มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันกา­­­รอักเสบ โรคมะเร็ง และริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผนังของหลอดเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้น แถมยังลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้ดีทีเดียว 




 คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิลแต่ละสี 

          จากข้อมูลของ USDA Nutrient database  ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่าแอปเปิลแต่ล่ะสีมีคุณค่าทางโภ­­­ชนการดังนี้ 

          ว้าว ! ประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสีนี่มีมากมายจนต้องทึ่งเลยใช่ไหมล่ะคะ­­­ เพราะแบบนี้ยังไงล่ะที่ทำให้แอปเปิลกลายเป็นสุดยอดอาการเพื่อสุ­­­ขภาพอย่างแท้จริง ขอบอกเลยว่าใครที่ไม่ชอบรับประทานแอปเปิลรีบเปลี่ยนความคิดด่วน­­­เลย เพราะคุณกำลังพลาดสุดยอดขุมทรัพย์เพื่อสุขภาพเลย


     เอาล่ะอ่านจนจบแล้วก็อย่ารอช้า รีบออกไปซื้อแอปเปิลมารับประทานกันเลยดีจ้า แล้วเวลารับประทานก็อย่าลืมรับประทานทั้งเปลือกนะ ไม่อยากนั้นละก็ประโยชน์ที่ได้ก็จะลดลง และไม่ควรรับประทานเกินวันละ 4 ผลนะคะ เพราะอาจจะทำให้ได้รับสารอาหารมากเกินไปและไปสะสมกลายเป็นสารตก­ค้างในร่างกายได้ค่ะ ............สวัสดีค่ะ

สละรสชาติเปรี้ยวๆแต่เปี่ยมด้วยสรรพคุณ


(Salacca)

สละ กับ 8 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ


        สละ 
              ผลไม้รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เปี่ยมด้วยสรรพคุณเพื่อสุขภาพ แบบนี้ต้องลองสักตั้ง

          สละ พืชในตระกูลปาล้มที่มีขนเล็ก ๆ อยู่ทั่วผล ซึ่งดูแล้วอาจจะรับประทานยากเสียหน่อย เพราะวิธีการแกะนั้นอาจจะต้องมีเจ็บตัวบ้าง แต่รสชาติของเนื้อในนั้นกลับถูกใจคนไม่น้อย ด้วยรสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้หลายคนยกให้ผลไม้ชนิดนี้เป็นของโปรด เราอาจจะคิดว่าสละนั้นมีประโยชน์แค่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย หารู้ไม่ว่าเจ้าผลไม้ชนิดนี้ยังมีดีอีกเพียบ เดี๋ยวจะพาไปทำความรู้จักกับสรรพคุณเด็ด ๆ ของสละกันให้ชัดไปเลย แถมด้วยวิธีการแยกความแตกต่างระหว่างสละและระกำ ที่บอกได้เลยว่าอ่านแล้วคุ้มแน่นอน




          สละ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Salacca หรือ Salak เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศอินโดนีเซีย เป็นพืชในตระกูลปาล์ม และมีมากมายกว่า 30 สายพันธุ์ แต่ดูเหมือนสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ สละอินโด เนื่องจากมีรสที่หวานและกลิ่นที่หอมกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ นอกจากนี้สละก็ยังมีสรรพคุณเด่นในด้านการบำรุงร่างกายและสุขภาพอีกไม่น้อย ทั้งช่วยบำรุงสุขภาพ และรักษาอาการป่วยได้ชะงัด อาทิ



 1. อัดแน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

          สละ เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยมีการศึกษาในมหาวิทยาลัย Sabah ของมาเลเซียซึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ Nutrition & Food Science พบว่า ในสละมีสารฟีโนลิก และสารฟลาโวนอยด์ อันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โรคหัวใจขาดเลือด ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ รวมทั้งชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย

 2. บำรุงสายตา

          สารเบต้า-แคโรทีนที่อยู่ในสละ เป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตา ว่ากันว่าระดับสารเบต้า-แคโรทีนในสละนั้นสามารถทดแทนการรับประทานแครอทได้เลยเชียวล่ะ นอกจากนี้วิตามินเอในสละ ก็ยังช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน เพิ่มความคมชัดในการมองเห็นสำหรับผู้ที่มีอาการสายตาสั้น แต่ก็ใช่ว่ารับประทานบ่อย ๆ แล้วจะทำให้คนสายตาสั้นไม่ต้องใส่แว่นนะคะ เพราะการรับประทานสละก็ไม่ได้ทำให้หายขาดจากสายตาสั้น เพียงแต่ช่วยเพิ่มการมองเห็นที่ดีขึ้นเท่านั้นค่ะ 

 3. ช่วยให้อิ่มอยู่ท้อง

          สละเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ดีสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์ แทนนิน หรือวิตามินซี ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วนอกจากจะได้ประโยชน์ ก็ยังช่วยให้อยู่ท้องไปไม่รับประทานจุบจิบ อีกทั้งยังกระตุ้นระบบการทำงานของลำไส้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การลดน้ำหนักได้ผลมากขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของปริมาณ เพราะสละเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีสูงเช่นกัน โดยสละ มีปริมาณแคลอรีอยู่ที่ 60 แคลอรีต่อ 100 กรัม ที่แคลอรีสูงก็เพราะว่าสละนั้นมีน้ำตาลสูง ดังนั้นต้องรับประทานแต่พอเหมาะ ถ้ารับประทานมาก ๆ อาจจะอ้วนได้ 

สละ กับ 8 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ

 4. รักษาอาการท้องเสีย

          เราอาจจะได้ยินมามากว่าเวลาท้องเสียเราไม่ควรรับประทานอะไรนอกจากอาหารอ่อน ๆ แต่ขอบอกว่าการรับประทานสละสามารถช่วยบรรเทาอาการได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาแก้ท้องเสียแต่อย่างใด ถือเป็นผลไม้ที่พิเศษอย่างหนึ่งเลยเชียวล่ะ 

 5. บำรุงสมอง 

          สละ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ช่วยบำรุงสมอง เนื่องจากในสละนั้นมีโพแทสเซียมและสารเพคตินสูง ช่วยบำรุงสมองในส่วนของความจำให้สมองใสปิ๊ง นึกอะไรก็ออก ใครที่ชอบมีปัญหาเรื่องความจำก็สามารถรับประทานสละเข้าไปเสริมกับอาหารอื่น ๆ ได้ค่ะ

 6.บรรเทาความเหน็ดเหนื่อย 

          วิตามินเอในสละ นอกจากจะบำรุงสายตาได้แล้ว ก็ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหรือเล่นกีฬาได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกายที่เกิดมาจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงซึ่งถ้าหากคุณไม่ชอบรับประทานสด ๆ ก็สามารถนำมาคั้นดื่มเป็นน้ำได้นะ แต่ก็อย่าเติมน้ำตาลมากไป เดี๋ยวจะหวานเกินไปพาลทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ดเสียเปล่า ๆ 

 7.ลดอาการกรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก

          ใครที่มีอาการของกรดไหลย้อน หรืออาการแสบร้อนกลางอก สละสามารถช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงรับประทานสละกับน้ำผึ้ง ก็จะช่วยให้อาการแสบร้อนดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรจะทำร่วมกับการเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร จะได้ไม่ต้องเจ็บบ่อย ๆ ไง

 8. รักษาโรคริดสีดวงทวาร

          ไม่เพียงแต่ผลสละเท่านั้นที่ดีต่อสุขภาพ แต่ใบของสละก็มีประโยชน์เช่นกัน โดยการนำใบสละมาต้มกับน้ำ และผสมกับกับน้ำผึ้งดื่มวันละ 3 ครั้ง ก็จะช่วยให้อาการริดสีดวงทวารบรรเทาลงได้ 

สละ กับ 8 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ

 สละ ระกำ แตกต่างกันอย่างไร ?

          สละและระกำ เป็นผลไม้ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมากจนหลายคนอาจจะแยกไม่ค่อยออก แต่ถ้าหากรู้วิธีสังเกตละก็รับรองได้เลยว่าไม่มีทางซื้อผิดแน่ ๆ โดยสละนั้นจะมีลักษณะผลเป็นรูปทรงเรียวยาว และกลม แต่ผลระกำจะมีลักษณะสั้น ๆ ป้อม ๆ และมีด้านหนึ่งนูนอีกด้านหนึ่งจะแบน ส่วนในเรื่องของรสชาตินั้น ถ้าเป็นระกำป่า หรือเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองจะมีรสชาติเปรี้ยวกว่าสละ แต่ในปัจจุบันระกำเองก็ถูกพัฒนาให้มีรสชาติหวานกลมกล่อมใกล้เคียงกับสละ ดังนั้นสังเกตจากลักษณะภายนอกจะง่ายกว่าค่ะ

          อัดแน่นด้วยประโยชน์เสียขนาดนี้จะให้พลาดได้ยังไงจริงไหมล่ะ แต่ก็อย่าลืมนะว่าสละเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีและน้ำตาลค่อยข้างสูง ถ้าไม่อยากจะอ้วน ก็ควรรับประทานในระดับที่พอเหมาะ ที่สำคัญคือควรรับประทานผลไม้ชนิดอื่นเข้าไปด้วย เพื่อที่จะได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างสมดุล อะไรที่มากไปก็ไม่ดีเสมอไปหรอกค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คุณค่าทางโภชนาการของเงาะ

  เงาะ

( Rambutan)




                                                                                     เงาะ ชื่อสามัญ
 Rambutan
            เงาะ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เงาะป่า (นครศรีธรรมราช), พรวน (ปัตตานี), กะเมาะแต มอแต อาเมาะแต (มาเลย์ปัตตานี) เป็นต้น      


            

                  เงาะเป็นผลไม้เมืองร้อน มีถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย และแพร่ขยายมาปลูกมาในบ้านเราในภายหลัง ซึ่งนิยมปลูกในภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมเพาะปลูกมากที่สุดก็ได้แก่ พันธุ์โรงเรียน (เงาะโรงเรียน) พันธุ์สีทอง พันธุ์สีชมพู เป็นต้น ส่วนสายพันธุ์อื่น ๆก็มีปลูกกันบ้างประปราย

                       ประโยชน์ของเงาะ

  1. เงาะมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
  2. ช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปาก
  3. ช่วยแก้อาการท้องร่วงรุนได้อย่างได้ผล
  4. ช่วยรักษาโรคบิดท้องร่วง
  5. ใช้เป็นยาแก้อักเสบ
  6. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  7. ประโยชน์ของเงาะ สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างได้มากมาย เช่น การทำเงาะกระป๋อง เงาะกวนเปลือก เป็นต้น
  8. เงาะมีสารแทนนิน ซึ่งนำมาใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ย้อมสีผ้า บำบัดน้ำเสีย ทำปุ๋ย และกาว เป็นต้น
  9. สารแทนนิน (tannin)ช่วยป้องกันแมลง ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ใช้ทำเป็นยารักษาโรค

คุณค่าทางโภชนาการของเงาะกระป๋องน้ำเชื่อมต่อ 100 กรัม


  • พลังงาน 82 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 20.87 กรัม
  • เส้นใย 0.21 กรัม
  • ไขมัน 0.65 กรัม
  • โปรตีน 2.5 กรัม
  • วิตามินบี1 0.013 มิลลิกรัม 1%
  • วิตามินบี2 0.022 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี3 1.352 มิลลิกรัม 9%
  • วิตามินบี6 0.02 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี9 8 ไมโครกรัม 2%
  • วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแคลเซียม 22 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุเหล็ก 0.35 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุแมกนีเซียม 7 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุแมงกานีส 0.343 มิลลิกรัม 16%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 9 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุโพแทสเซียม 42 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุสังกะสี 0.08 มิลลิกรัม 1%


    เห็นไหมค่ะว่านอกจากเงาะจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย ถ้าจะให้ดีควรทานในปริมาณที่พอเหมาะนะค่ะ.................บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่ค่ะ 

สรรพคุณของกล้วยน้ำว้า(เรื่องกล้วยๆ)


  (เรื่องกล้วยๆ)
กล้วย
     ที่นิยมรับประทานกันในบ้านเรานั้นมีอยู่หลากหลายสานพันธุ์ เช่น กล้วยหอมกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุม เป็นต้น แต่สำหรับต่างชาติแล้วกล้วยที่นิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นกล้วยหอม เนื่องจากกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าพูดถึงเรื่องประโยชน์แล้วมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุชัดเจนว่าการรับประทานกล้วยแค่ 2 ลูกจะช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายได้เทียบเท่ากับการออกกำลังกายถึง 90 นาทีเลยทีเดียว! เพราะกล้วยอุดมไปด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติรวมถึง 3 ชนิดเลยทีเดียวนั่นก็คือ ซูโครส กลูโคส และฟรุคโทส ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายนั่นเอง


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กล้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กล้วยน้ำว้า        นอกจากนี้แล้วในกล้วยยังอุดมไปด้วยเส้นใยและกากอาหาร และยังวิตามินและแร่ธาตุนา ๆชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี12 และ วิตามินซี เป็นต้น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กล้วยน้ำว้า


             คุณรู้หรือไม่ผลไม้อย่าง แอปเปิ้ลที่ขึ้นชื่อเรื่องความมีประโยชน์ก็ยังแพ้กล้วย เพราะว่าในกล้วยนั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 2 เท่า โดยมีคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า มีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่าด้วยกัน!! โดยการกินกล้วยจะให้ดีที่สุดคือกินตอนเช้าเพื่อจะช่วยให้ระบบต่าง ๆในร่างกายทำงานได้ดี และการกินกล้วยทุกวันวันละ 2 ผลถือเป็นสิ่งที่ดีและวิเศษมาก ๆ จะกล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าก็ได้ทั้งนั้น



 สรรพคุณของการกินกล้วย

  1. ช่วยลดกลิ่นปากได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ควรทานหลังตื่นนอนตอนเช้าทันทีแล้วค่อยแปรงฟัน และถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าจะยิ่งช่วยลดกลิ่นปากได้ดีขึ้น
  2. กล้วย ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติ
  3. กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย เช่น ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาโบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี12 และวิตามินซี
  4. ช่วยเพิ่มพลังให้แก่สมองของคุณ เพราะมีสารที่ช่วยทำให้มีเกิดสมาธิและมีการตื่นตัวตลอดเวลา
  5. กล้วยก็มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเหมือนกันนะ ที่ช่วยในการชะลอความแก่ตัวของร่างกายนั่นเอง
  6. กล้วยมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้ เพราะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือกช่วยให้ลดอาการอยากกินของจุกจิกลงได้พอสมควร
  7. สำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ กล้วยคือคำตออบสำหรับคุณ
  8. อาการหงุดหงิดยามเช้า กล้วยก็ช่วยคุณได้เหมือนกัน
  9. ช่วยลดอาการหงุดหงิดของผู้หญิงในช่วงประจำเดือนมา
  10. ช่วยลดอาการเมาค้างได้ดีระดับหนึ่ง เพราะจะช่วยชดเชยน้ำตาลที่ร่างกายขาดไปในขณะดื่มแอลกอฮอล์
  11. เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการอยากเลิกสูบบุหรี่ เพราะในกล้วยมีวิตามินเอ ซี บี6 บี12 โพรแทสเซียม และแมกนีเซียมที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นจากการเลิกนิโคติน
  12. ช่วยรักษาอาการท้องผูก เพราะกล้วยมีเส้นใยและกากอาหารซึ่งจะช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างปกติ
  13. ช่วยบรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร หรือในขณะขับถ่ายจะมีเลือดออกมา
  14. ช่วยลดอาการเสียดท้อง ลดกรดในกระเพาะ การกินกล้วยจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากอาการนี้ได้
  15. ช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ เพราะในกล้วยมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจะช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางหรือผู้ที่อยู่ในสภาวะขาดกำลัง
  16. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง หรือเส้นเลือดฝอยแตกได้
  17. ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดเส้นโลหิตแตกได้
  18. สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือกระเพาะอักเสบ การรับประทานกล้วยบ่อย ๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะกล้วยมีสภาพเป็นกลาง มีความนิ่มและเส้นใยสูง
  19. ช่วยรักษาแผลในลำไส้เรื้อรัง เพราะกล้วยมีสภาพเป็นกลาง ทำให้ไม่เกิดการละคายเคืองในผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
  20. ช่วยรักษาโรคซึมเศร้า ภาวะความเครียด เพราะกล้วยมีโปรตีนชิดหนึ่งที่เรียกว่า Tryptophan ซึ่งช่วยในการผลิตสาร Serotonin หรือ ฮอร์โมนแห่งความสุข จึงส่วนช่วยในการผ่อนคลายอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น
  21. ช่วยลดอัตราการเกิดตะคริวบริเวณมือ เท้า และน่องได้
  22. ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องของมารดาลงได้
  23. กล้วย สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการนิ่วในไตได้ในระดับหนึ่ง
 ในขณะเดียวกันไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไปนะค่ะ..........................




ประโยชน์ของมะขาม

     

ประโยชน์ของมะขาม


(Tamarind)




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มะขาม


                   มะขามจัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในทวีฟแอฟริกา และมีการนำเข้ามาปลูกในแถบเอเชีย นอกจากนี้มะขามยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ และตามตำราพรหมชาติยังถือว่ามะขามเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันสิ่งเลวร้าย ผีร้ายต่าง ๆ ไม่ให้มากล้ำกลาย อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่มีชื่อมลคล ถือกันเป็นเคล็ดทำให้มีคนเกรงขาม สำหรับประโยชน์ของมะขามและสรรพคุณมะขามนั้นมีมากมาย และจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาโรคอีกด้วย โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาจะเป็นเนื้อฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกของลำต้น (ทั้งสดและแห้ง) และเนื้อในเมล็ด สามารถช่วยรักษาได้หลายโรค เช่น เป็นยาขับเสมหะ แก้อาการท้องเดิน บรรเทาอาการท้องผูก ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นต้น
      




     มะขามยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินซี วิตามินบี2 วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น โดยมะขามที่แก่จัดนั้นเราจะเรียกว่า “มะขามเปียก” โดยมะขามหวาน 100 กรัม จะมีแคลอรี่เท่ากับ 314 แคลอรี่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มะขาม
ประโยชน์
  1. มะขาม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
  2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยวิตามินซีจากมะขาม
  3. ช่วยในการชะลอวัย และการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  4. แคลเซียมจากมะขามจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  5. มะขามมีธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
  6. ใช้ในการทำทรีทเม้นท์ ด้วยการจำมาขัดตามซอกขาหนีบ รักแร้ ข้อพับ ซึ่งจะช่วยลดรอยคล้ำลงได้
  7. นำมะขามเปียกไปแช่น้ำ ลอกเอาใยออก นำมามะขามมาถูตัวเบา ๆ ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นตลอดทั้งวัน และช่วยกำจัดแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
  8. มะขามเปียกและดินสอพองผสมจนเข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับสดใสและสะอาดยิ่งขึ้น
  9. มะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นและนมสด ใช้พอกผิว ช่วยให้ผิวหนังที่มีรอยดำคล้ำกลับมาขาวสดใสนุ่มนวลยิ่งขึ้น
  10. นำมาใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้ทำเป็นกรดผลไม้ (AHA)
  11. สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ให้นำเนื้อมะขามมาขัดถูฟันเป็นประจำทุกครั้งที่แปรงฟัน จะช่วยขจัดคราบสกปรกบริเวณฟันลงได้
  12. สามารถนำมาใช้ทำยานวดผม ซึ่งช่วยรักษารากผม ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ และช่วยฆ่าเหาได้อีกด้วย ด้วยการนำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำแล้วใช้มือคั้นเนื้อมะขามเพื่อให้ละลายออกผสมกับน้ำ น้ำที่ได้นั้นจะมีลักษณะเหลว (ไม่ควรเหลวมาก) แล้วนำมานวดศีรษะหลังจากที่สระผมเสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก
  13. ใช้ทำเป็นน้ำยาอาบน้ำ ด้วยการนำใบมะขามมาจำนวนหนึ่ง ใส่ใบมะขามลงในน้ำเดือดแล้วปิดฝา แล้วเคี่ยวประมาณ 30 นาที จากนั้นนำลงจากเตาปล่อยให้เย็นแล้วนำมาอาบ จะช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น รักษาผดผื่นคันตามร่างกายและเชื่อบนผิวหนังได้
  14. การแปรรูปมะขามสามารถนำมาแปรรูปได้หลายชนิด เช่น มะขามแก้ว มะขามกวน มะขามอบไร้เมล็ด มะขามบ๊วย มะขามแช่อิ่ม มะขามคลุก มะขามจี๊ดจ๊าด เป็นต้น
  15. ช่วยป้องกันการเกิดและช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
  16. มะขามมีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
  17. ช่วยลดความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
  18. แก้อาการท้องผูก ด้วยการใช้เนื้อมะขามเปียกประมาณ 15 ฝัก นำมาจิ้มกับเกลือแล้วรับประทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำแล้วคั้นเป็นน้ำดื่ม
  19. แก้อาการท้องเดิน ด้วยการใช้เปลือกต้นประมาณ 2 กำมือ นำมาต้มกับน้ำปูนใสหรือน้ำ แล้วนำมารับประทาน
  20. ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในลำไส้ พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เมล็ดมะขามมาคั่วกระเทาะเปลือกออก นำเนื้อในเมล็ดมาแช่น้ำเกลือจนนิ่ม แล้วรับประทานครั้งละ 20 เม็ด
  21. ช่วยแก้อาการขับเสมหะ ละลายเสมหะ ด้วยการนำมะขามเปียกมาจิ้มเกลือ แล้วรับประทาน
  22. มะขามอุดมไปด้วยกรดอินทรีย์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยชำระล้างความสกปรกในรูขุมขนและขจัดคราบมันบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
  23. รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องร่วง
  24. รากมะขามช่วยในการสมานแผล
  25. รากมะขามช่วยในการรักษาโรคเริม
  26. รากมะขามช่วยในการรักษาโรคงูสวัด
  27. เปลือกลำต้นมะขาม ช่วยแก้ไขตัวร้อน
  28. แก่นของต้นมะขาม ช่วยรักษาฝีในมดลูก
  29. แก่นของต้นมะขาม ช่วยในการขับโลหิต
  30. แก่นมะขามมีส่วนช่วยเป็นยาชักมดลูกให้เข้าอู่
  31. ใบสดมะขาม ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลำไส้
  32. ใบสดมะขาม ช่วยรักษาหวัด อาการไอ
  33. ใบสดมะขามมีส่วนช่วยในการรักษาโรคบิด
  34. ใบสดมะขาม มีคุณสมบัติใช้เป็นยาหยอดตารักษาเยื่อตาอักเสบ แก้อาการตามัว
  35. ใบสดมะขาม มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกโลหิต
  36. ใบสดนำมาต้มผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆใช้อาบหลังคลอด
  37. เนื้อหุ้มเมล็ดของมะขาม ใช้เป็นยาสวยล้างท้อง
  38. ฝักดิบของมะขาม ใช้ในการฟอกโลหิจ
  39. ฝักดิบของมะขามใช้ในการลดความอ้วน เป็นยาระบายลดอุณหภูมิในร่างกาย
  40. เปลือกมะขามช่วยรักษาแผลสด แผลไฟลวก แผลเบาหวาน ถอนพิษ
  41. เปลือกเมล็ดมะขาม ช่วยสมานแผลที่ช่องปาก คอ ลิ้น และตามร่างกาย
  42. ดอกสดของมะขาม ใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง

 เห็นไหมค่ะว่านอกจากมะขามจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย ถ้าจะให้ดีควรทานในปริมาณที่พอเหมาะนะค่ะ.................บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่ค่ะ 

พืชผักมหัศจรรย์ช่วยรักษาโรคสารพัด

พืชผักมหัศจรรย์ช่วยรักษาโรคสารพัด       

          อย่ามองข้ามผักใกล้ตัว ประโยชน์อันน่าทึ่งจากธรรมชาติ รอให้เราเลือกสรรไปรับประทาน เพื่อช่วยต่อสู้กับโรคร้ายแถมยังหาทานได้ง่ายไม่เปลืองตังค์อีกด้วยอีกด้วย

เพราฉะนั้นมาดูกันเลยค่ะ...................          ผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการอยู่มากมาย และไม่ได้ให้แค่คุณค่าเหล่านั้น แต่ยังช่วยรักษาโรคได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทียาที่หมอให้ ยังไม่อาจสู้ทานพืชผักเหล่านี้เลย ข้อมูลจากเว็บไซต์ emaginfo จะบอกให้เรารู้ว่า มีผักอะไรที่ช่วยรักษาโรคได้อย่างน่ามหัศจรรย์บ้าง 


 ขี้เหล็ก

9 พืชผักมหัศจรรย์ 

          สำหรับคนสมัยใหม่ อาจจะไม่ชอบทานสักเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นคนสมัยก่อน รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราขึ้นไปแล้ว บอกเลยว่าอาหารที่ทำด้วยผักขี้เหล็กจัดเป็นอาหารรสเลิศถูกปากมากเลยทีเดียว และนอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ใบขี้เหล็กสามารถรับประทานเป็นยาชั้นดี เพราะใบขี้เหล็กมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 และไนอาซิน

          สรรพคุณทางยาของใบขี้เหล็กมีสารชนิดหนึ่งออกฤทธิ์ต่อประสาททำให้นอนหลับดี แก้ท้องผูกได้ดี และบำรุงร่างกายให้กระชุ่มกระชวยได้
 หัวปลี

9 พืชผักมหัศจรรย์

          หัวปลี ที่เป็นส่วนดอกของต้นกล้วยที่หลายคนไม่ชอบทาน หารู้ไม่ว่าใบหัวปลีนั้นมีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด แก้โลหิตจาง และยังคงลดน้ำตาลในเลือดได้ รวมถึงยังสามารถทานแก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ได้เป็นอย่างดี

 มะระขี้นก

9 พืชผักมหัศจรรย์

          มะระขี้นก เป็นผักพื้นบ้านของไทย ที่คนไทยนิยมนำยอดอ่อนและผลอ่อนมาปรุงเป็นอาหารโดยนำมาลวกเป็นผักจิ้ม แต่หลายคนก็ไม่ชอบทานนัก เพราะว่าขม มีผิวขรุขระ แต่ว่ามะระขี้นกนี้ เป็นยาชนะเบาหวานชั้นยอดเลยนะ เพราะมะระขี้นกนี้ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อันเป็นสาเหตุของเบาหวาน และสามารถชะลอการเกิดต้อกระจกซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้

          รูปแบบวิธีทานที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล ผงแห้งก็ได้

 ผักตำลึง

9 พืชผักมหัศจรรย์

          ตำลึงเป็นผักที่นิยมนำยอดมาลวกหรือนึ่ง เป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือนำยอดอ่อน ใบอ่อนมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย คำลึงจัดว่ามีสรพพคุณทางยาที่เยอะมาก อย่างผลอ่อนที่ก้านดอกเริ่มจะหลุดกินสดได้กรอบอร่อย ไม่ขม เป็นยาบำรุงสุขภาพ รักษาปากเป็นแผลได้

          หลายคนใช้ตำลึงในการรักษาโรคผิวหนังพวกผื่นแพ้ ตำแย หมามุ่ย หนอนคัน บุ้ง หอยคัน มดคันไป ผื่นคันจากน้ำเสีย ผื่นคันจากละอองข้าว ผื่นคันชนิดที่ไม่รู้สาเหตุ เริม งูสวัด สุกใส หิด สิว ฝีหนอง เป็นต้นบางคนก็ทานตำลึง เพื่อระบายท้อง ลดการอึดอัดท้องหลังกินอาหารเนื่องจากมีสารช่วยย่อยแป้ง และช่วยแก้ร้อนใน เป็นต้นและที่สำคัญคือตำลึงเป็นยาพื้นบ้านใช้รักษาเบาหวาน ทั้งราก เถา ใบ ใช้ได้หมด มีสูตรตำรับหลากหลาย และในตำราอายุรเวทก็มีการใช้เป็นยารักษาเบาหวานมานานนับพันปี ชาวเบงกอลในอินเดียใช้ตำลึงเป็นยาประจำวันสำหรับแก้โรคเบาหวาน

 ผักเชียงดา

9 พืชผักมหัศจรรย์

          ผักเชียงดา เป็นพืชผักไม้เลื้อยทางภาคเหนือ เถาสีเขียว ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวเหมือนน้ำนม ใบ เดี่ยว รูปกลมรี ท้องใบเขียวแก่กว่าหลังใบ ใบออกตรงข้อเป็นคู่ ๆ

      ยอดอ่อนและใบอ่อนของผักเชียงดา นำมากินเป็นผัก มีรสขมอ่อน ๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และยังเป็นผักที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นผักเพิ่มกำลังในการทำงานหนักและใช้เป็นยารักษาเบาหวาน

          นอกจากนี้ผักเชียงดาสามารถนำไปใช้ลดน้ำหนัก เพราะว่าผักเชียงดาช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการนำไปสร้างเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และพบมีรายงานการศึกษาว่าผักเชียงดาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง

 แครอท

9 พืชผักมหัศจรรย์

          นับเป็นผักที่ให้เบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสารที่พบในแครอทนี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งจะออกฤทธิ์ในการรักษาไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ปอดอักเสบ ลดการอักเสบและบวมได้ ถ้าใช้ทาผิวภายนอกช่วยลดอาการแสบร้อนของผิวเนื่องจากโดนแดดเผาไหม้ ลดฝ้าและรอยด่างดำลงได้

          นอกจากนี้การทานแครอทยังช่วยป้องกันลดมะเร็งปอด มะเร็งมดลูก กระเพาะอาหารและเต้านม ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยในระยะพักฟื้น ลดความอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย รักษาโรคลำไส้อักเสบ ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยล้างพิษในตับ บำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง ตาบอดกลางคืน ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน บำรุงผิว ชะลอความชราของผิวพรรณได้ดีด้วย

 ถั่วฝักยาว

9 พืชผักมหัศจรรย์

          รู้หรือไม่ว่าผักที่มีวิตามีนซีสูงที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ที่จะมีผลช่วยให้เลือดดี ผิวพรรณสวย ถั่วฝักยาวมีกากใยอาหารจำนวนมาก ซึ่งกากใยชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะ ได้สารจำพวกเจลลาตินเคลือบที่กระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วอิ่มนาน สารชนิดนี้จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้เพราะว่าจะไปจับกับกรดน้ำดี เมื่อน้ำดีไม่พอใช้ในร่างกายก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งการใช้น้ำดีต้องใช้คอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลลงได้ ถ้านำถั่วฝักยาวไปต้มเอาน้ำดื่มจะช่วยรักษาบำรุงไต

 กะหล่ำปลี
9 พืชผักมหัศจรรย์

          เป็นผักที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถป้องกันรักษามะเร็งได้หลายชนิด มีวิตามินซีสูง มีสารอาหารกลูตามีนช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้รวดเร็ว ทำให้แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้หายได้เร็ว จึงใช้เป็นอาหารในการรักษาโรคกระเพาะและป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดี

          อีกทั้งกะหล่ำปลียังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิ คุ้มกันในร่างกาย ช่วยล้างพิษในตับ ช่วยให้ระบบน้ำดีทำงานได้ปกติ ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้น้ำคั้นหรือกินสด (แต่ปริมาณในแต่ละวันไม่มาก) ใช้ใบสดประคบเต้านมแม่ลูกอ่อนช่วยลดความปวดจากการคัดเต้านมลงได้
 ผักกาดขาว

9 พืชผักมหัศจรรย์

ถือเป็นเจ้าแห่งเส้นใยและโฟเลท ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีบทบาทในการควบคุมความเป็นปกติของชีวิตทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา นั่นคือการสร้างระบบประสาทและ DNA

          อีกทั้งเส้นใยของผักกาดขาวช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันอุจจาระแข็ง เนื่องจากเส้นใยไม่จับกันแน่นและสามารถถนอมน้ำไว้ จึงทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ

          ไม่เพียงแค่นี้ เพราะผักกาดนั้นมีรสหวานไม่ร้อนไม่เย็น ช่วยลดอาการอึดอัดบริเวณหน้าอก ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ลดการเต้นของหัวใจ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำงานของไต

          สารพัดประโยชน์ และเป็นได้สารพัดยาเลยล่ะค่ะ สำหรับผักแต่ละชนิด บางทีสิ่งเหล่านี้อาจอยู่ใกล้ตัวเรามากเกินไปจนหลายคนมองข้ามคุณค่าที่น่าทึ่งไป อย่าลืมชายตามองพืชผักกันบ้าง แล้วคุณจะได้ฟื้นฟูสุขภาพจากอาหารนานาประโยชน์อย่างพืชผักเหล่านี้.........