ฤดูร้อนนี้เป็นฤดูแห่งมะม่วงแสนอร่อย มะม่วงถือได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัยมักนิยมรับประทานแบบสดมากกว่าผลไม้อื่นๆ ด้วยความที่มะม่วงมีรสหวานและกลิ่นหอมยังสามารถฟื้นฟูจิตใจและทำให้คุณรู้สึกมีความสุขได้อีกด้วยมะม่วงมีขนาดและรูปทรงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ซึ่งมีสายพันธุ์มากกว่า 1,000 ชนิด ในเนื้อของมะม่วงจะอุดมไปด้วยสารอาหาร สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพและเส้นใยมากมาย ทั้งยังเป็นแหล่งของวิตามิน A C และ E รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง แคลเซียมและฟอสฟอรัส และนี่คือ 10 คุณประโยชน์ของมะม่วง
1. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
1. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
การรับประทานมะม่วงประจำสามารถรักษาระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย จากการตรวจสอบพบว่า วิตามินซีสูง เพคตินและเส้นใยมากมายที่อยู่ในมะม่วงจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ได้เป็นอย่างดีอย่างยิ่ง ‘ไม่ดี’ ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มจำนวนคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) อีกด้วย และมะม่วงเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือดในระบบประสาทที่ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
2. ฟื้นฟูผิว
มะม่วงเป็นผลไม้มหัศจรรย์สามารถใช้ฟื้นฟูผิวได้ โดยใช้ในการมาสก์และขัดหน้า ในมะม่วงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน C วึ่งช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและเปล่งประกาย วิตามินและเบต้าแคโรทีนในมะม่วงสามารถเพิ่มความอ่อนเยาว์ ฟื้นฟูผิว ลดจุดด่างดำ ฝ้าและสิว โดยนำมะม่วงสุกมาปอกเปลือก แล้วถูทั่วใบหน้าของคุณเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
มะม่วงเป็นผลไม้มหัศจรรย์สามารถใช้ฟื้นฟูผิวได้ โดยใช้ในการมาสก์และขัดหน้า ในมะม่วงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน C วึ่งช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและเปล่งประกาย วิตามินและเบต้าแคโรทีนในมะม่วงสามารถเพิ่มความอ่อนเยาว์ ฟื้นฟูผิว ลดจุดด่างดำ ฝ้าและสิว โดยนำมะม่วงสุกมาปอกเปลือก แล้วถูทั่วใบหน้าของคุณเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
3. ป้องกันการเกิดโรคลมแดด (Heat stroke)
ลดความเสี่ยงผลกระทบของจังหวะการเต้นของหัวใจจากความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาระดับของเหลวในร่างกายของคุณ โพแทสเซียมในมะม่วงช่วยรักษาระดับโซเดียมซึ่งจะควบคุมระดับของเหลวในร่างกายและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจท ในฤดูร้อนคุณสามารถกินมะม่วงสุกหรือมะม่วงดิบทุกวันเพื่อช่วยให้เย็นลงและเพิ่มน้ำแก่ร่างกาย
ลดความเสี่ยงผลกระทบของจังหวะการเต้นของหัวใจจากความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาระดับของเหลวในร่างกายของคุณ โพแทสเซียมในมะม่วงช่วยรักษาระดับโซเดียมซึ่งจะควบคุมระดับของเหลวในร่างกายและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจท ในฤดูร้อนคุณสามารถกินมะม่วงสุกหรือมะม่วงดิบทุกวันเพื่อช่วยให้เย็นลงและเพิ่มน้ำแก่ร่างกาย
4. บำรุงสายตา
มะม่วงเป็นแหล่งของวิตามิน A จำนวนมาก ซึ่งสารอาหารสำคัญสำหรับสุขภาพตา วิตามิน A จะช่วยบำรุงสายตาและป้องกันความผิดปกติต่างๆเกี่ยวกับตา เช่นตาบอดตอนกลางคืน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ตาแห้งและความรู้สึกไม่สบายตา ในมะม่วงสุก 1 ถ้วย มีวิตามิน A อยู่ถึงร้อยละ 25 ของความต้องการต่อวัน
5. รักษาระดับอัลคาไลน์
กรดซิตริกที่พบในมะม่วงช่วยรักษาระดับอัลคาไลน์ในร่างกาย จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ภาวะเลือดเป็นกรดเรื้อรัง โรคไต กล้ามเนื้ออ่อนแอและกระดูกอ่อนแอ การรับประทานมะม่วงเป็นประจำจะช่วยรักษาค่า pH ให้ปกติ โดยอยู่ระหว่าง 7.35 และ 7.45 ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายโอนออกซิเจนไปทั่วร่างกายมากขึ้น ป้องกันไม่ให้โรคทางเดินอาหารต่างๆ และโรคกระดูกพรุน
6. ช่วยย่อยอาหาร
เส้นใยที่มีอยู่มากในมะม่วงจะช่วยในการย่อยอาหารและการกำจัดของเสีย ทั้งยังสามารถช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease) นอกจากนี้มะม่วงยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและแผลในกระเพาะอาหาร
เส้นใยที่มีอยู่มากในมะม่วงจะช่วยในการย่อยอาหารและการกำจัดของเสีย ทั้งยังสามารถช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease) นอกจากนี้มะม่วงยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและแผลในกระเพาะอาหาร
7. ป้องกันโรคมะเร็ง
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า สารต้านมะเร็งและสารต้านอนุมูลอิสระในมะม่วงสามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมะม่วงที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งคือ quercetin isoquercitrin astragalin fisetin gallic acid และ methyl gallat สถาบันโรคมะเร็งในบอสตันแนะนำให้ดื่มมะม่วงปั่นสมูทตี้ 1-2 แก้วทุกวันสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า สารต้านมะเร็งและสารต้านอนุมูลอิสระในมะม่วงสามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมะม่วงที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งคือ quercetin isoquercitrin astragalin fisetin gallic acid และ methyl gallat สถาบันโรคมะเร็งในบอสตันแนะนำให้ดื่มมะม่วงปั่นสมูทตี้ 1-2 แก้วทุกวันสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
8. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามิน C ในมะม่วงมีหน้าที่สำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันการเข้าสู่ร่างกายของเชื้อโรค และช่วยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสุขภาพผิวให้ผิวมีสุขภาพดี
วิตามิน C ในมะม่วงมีหน้าที่สำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันการเข้าสู่ร่างกายของเชื้อโรค และช่วยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสุขภาพผิวให้ผิวมีสุขภาพดี
9. เพิ่มความจำ
ในการศึกษาของ journal Oxidative Medicine พบว่าสารหลายชนิดที่พบในมะม่วงช่วยเพิ่มการจดจำและลดความเครียด กรดกลูตาในมะม่วงจะช่วยเพิ่มหน่วยความจำ ส่วนวิตามิน B6 ยังมีหน้าที่สำคัญในการดูแลและปรับปรุงการทำงานของสมอง
ในการศึกษาของ journal Oxidative Medicine พบว่าสารหลายชนิดที่พบในมะม่วงช่วยเพิ่มการจดจำและลดความเครียด กรดกลูตาในมะม่วงจะช่วยเพิ่มหน่วยความจำ ส่วนวิตามิน B6 ยังมีหน้าที่สำคัญในการดูแลและปรับปรุงการทำงานของสมอง
10. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
มะม่วงถือว่าเป็นยาบำรุงชั้นดี ในต่างประเทสมักเรียกกันว่า love fruit หรือ ผลไม้แห่งความรัก ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E ที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศ
มะม่วงถือว่าเป็นยาบำรุงชั้นดี ในต่างประเทสมักเรียกกันว่า love fruit หรือ ผลไม้แห่งความรัก ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E ที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศ
นอกจากนี้มะ่วงยังมีประโยชน์อีกมากมาย........................................ไว้เจอกันใหม่นะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น